 |
การจดทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นนโยบายหนึ่งของรัฐบาล โดยกระทรวงพาณิชย์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กองพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นผู้รับผิดชอบ เพื่อเป็นการรองรับการดำเนินธุรกิจด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการมากขึ้นทุกวัน ธุรกิจนี้เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อให้การพัฒนามีคุณภาพและเป็นไปอย่างต่อเนื่อง สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการในการดำเนินธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และการทำธุรกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ต่อไป
วัตถุประสงค์
1. เพื่อจัดทำระเบียนบุคคลที่ทำการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
2. เพื่อทราบสถิติข้อมูลและหลักฐานของบุคคลที่ทำการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีสถาน ประกอบการตั้งอยู่ใน ประเทศไทย
3. เพื่อสร้างความมั่นใจในการทำธุรกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้กับผู้บริโภค (รู้ว่าผู้ประกอบการได้ขึ้นทะเบียนกับ กรมแล้ว)
4. เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ประกอบการด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (เป็นการประชาสัมพันธ์ให้กับผู้ประกอบ การอีกทางหนึ่ง)
5. เพื่อเป็นศูนย์กลางด้านข้อมูลพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้แก่ผู้ประกอบการและผู้บริโภค
ผู้มีหน้าที่จดทะเบียนพาณิชย์
คือ บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ที่ประกอบพาณิชยกิจในเชิงพาณิชย์อันเป็นอาชีพปกติ ดังนี้
(1) ซื้อขายสินค้าหรือบริการ โดยวิธีการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
ได้แก่ บุคคลที่มีเว็บไซต์เพื่อทำการซื้อขายสินค้าหรือบริการ ที่เข้าลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใด ต่อไปนี้
เว็บไซต์ที่ต้องจดทะเบียน
- มีระบบการสั่งซื้อ เช่น ระบบกรอกฟอร์ม ระบบตะกร้า e-mail หรืออื่น ๆ
- มีระบบการชำระเงิน ออฟไลน์ หรือ ออนไลน์ เช่น การโอนเงินผ่านระบบบัญชี การชำระด้วยบัตรเครดิต หรือ e-cash เป็นต้น
- มีระบบสมัครสมาชิก เพื่อรับบริการข้อมูลหรืออื่น ๆ โดยมีการคิดค่าใช้จ่าย (ถือเป็นการขายบริการ) เช่น บริการ หาคู่ บริการข่าวสาร/บทความ/หนังสือ รับสมัครงาน เป็นต้น
- มีวัตถุที่ประสงค์หลักในการรับจ้างโฆษณาสินค้าหรือบริการของผู้อื่น และมีรายได้จากการโฆษณานั้น
- รับจ้างออกแบบเว็บไซต์ หรือเพียงโฆษณาว่าเป็นผู้รับจ้างออกแบบเว็บไซต์ เพราะถือว่าการออกแบบเว็บไซต์นั้นมีช่องทางการค้าปกติบนอินเตอร์เน็ต
- เว็บไซต์ให้บริการเกมส์ออนไลน์ที่คิดค่าบริการจากผู้เล่น (เจ้าของเว็บไซต์ต้องจดทะเบียน)
- เว็บไซต์ที่มีการส่งมอบสินค้าหรือบริการผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เช่น การ Download โปรแกรม เกมส์ Ringtone Screensaver SMS เป็นต้น
- ธุรกิจนายหน้าหรือตัวแทน ที่มีเว็บไซต์ในการประกอบธุรกิจ สามารถติดต่อซื้อขายผ่านทางเว็บไซต์ หรือระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้
* หมายเหตุ
ก. ธุรกิจประกันภัย การเงิน การธนาคาร ตลาดหลักทรัพย์ ที่มีเว็บไซต์เป็นช่องทางหนึ่งในการทำธุรกิจ และเข้าลักษณะหนึ่งลักษณะใดดังกล่าวข้างต้นต้องจดทะเบียนด้วย ถ้าไม่เข้าข้อใดเลยก็ไม่ต้องจด
ข. ธุรกิจตามข้อ ก. ที่มีการให้บริการแก่ลูกค้าผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เช่น e-Banking เป็นต้น ที่ถือว่าเป็นการให้บริการแก่ลูกค้าของตนเอง ไม่ใช่การขายบริการ ดังนั้น จึงไม่ต้องจดทะเบียน |
(2) บริการอินเตอร์เน็ต (ISP : Internet Service Provider)
ได้แก่ CS Com, Loxinfo , KSC , Internet Thailand , Asia Infonet , A-net , JI-Net , Samart , WorldNet , CWT , Idea Net , SGA , Data Line Thai , Asia Access , CWN , Roynet , Far East, EZNet
(3) ให้เช่าพื้นที่ของเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (Web Hosting)
เช่น sanook.com, yahoo.com, porar.com, thai4biz.com, thaicreative.net, internetthai.com, loxinfo.co.th , ksc.net.th, ecomsiam.com เป็นต้น
(4) บริการเป็นตลาดกลางในการซื้อขายสินค้าหรือบริการ โดยวิธีการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต (e-Marketplace)
เช่น softwarelink.co.th, eprocurementthai.com, bizdimension.com, pop.co.th, thai2m.com , pantavanij.com, freei.co.th, foodmarketexchange.com, thaiexponet.com, thailandexport.com, thailand.com , thaixport.com, WeThai.com เป็นต้น
|
เว็บไซต์ที่ ไม่ ต้องจดทะเบียน
มีเฉพาะหน้าร้านโชว์สินค้าของตนเอง แต่ทำการค้าในช่องทางปกติ (ไม่ใช่อินเตอร์เน็ต) แม้จะมีข้อความแจ้งว่าให้ติดต่อได้ เช่น สนใจโทร.ติดต่อ
หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่
การโฆษณาสินค้าของตนเอง โดยลักษณะของการโฆษณานั้นไม่ใช่วัตถุที่ประสงค์หลักของกิจการและไม่ใช่ช่องทางค้าปกติ แม้จะมี banner ของผู้อื่นมาติดและมีรายได้จาก banner ก็ตาม
- การประชาสัมพันธ์หรือเผยแพร่ข้อมูลแก่สมาชิกหรือบุคคลทั่วไป โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายหรือบริการ เช่น เพื่อการสอน ประกาศรับสมัครงาน
การประชาสัมพันธ์ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหรือสินค้า
- เว็บไซต์ที่เสนอข่าวประจำวัน จะมีป้ายโฆษณา (banner) ด้วยหรือไม่ก็ได้ เช่น thairath.com, bangkokpost.com, innnews.co.th, เป็นต้น
- เว็บไซต์ส่วนตัว (ส่วนบุคคล) ที่สร้างขึ้นเพื่อเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัว การงาน การศึกษา หรือความสนใจส่วนตัว
- เว็บไซต์ที่เป็นสื่อกลางด้านข้อมูล โดยมีจุดประสงค์ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล โดยไม่มีการเสียค่าสมาชิกหรือค่าใช้จ่ายใด ๆ
- ร้านอินเตอร์เน็ตที่ให้บริการในการเล่น net ที่เจ้าของร้านได้รายได้จากค่าชั่วโมงการเล่นอินเตอร์เน็ต(อินเตอร์เน็ตคาเฟ่) และ เกมส์คอมพิวเตอร์ ประเภทนี้มีประชาชนเกิดความสับสนเป็นจำนวนมากว่าต้องจดทะเบียน (เจ้าของร้านอินเตอร์เน็ตฯ ไม่ต้องจดทะเบียน)
|
|
ประโยชน์ที่ได้รับการจดทะเบียน
1. สร้างความมั่นใจในการทำธุรกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้กับผู้บริโภค (รู้ว่าผู้ประกอบการได้ขึ้น ทะเบียน กับกรมแล้ว)
2. สร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ประกอบการด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (เป็นการประชาสัมพันธ์ให้กับผู้ประกอบการ อีกทางหนึ่ง)
3. เป็นศูนย์กลางด้านข้อมูลพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้แก่ผู้ประกอบการและผู้บริโภค
4. การได้รับการส่งเสริมและพัฒนาจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เช่น
4.1 การได้รับสิทธิพิเศษด้านการตลาด เช่น E-marketplace
4.2 การได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ เช่น การจัดหัวข้อการอบรมสัมมนาที่กลุ่มผู้ประกอบการต้องการ การให้คำปรึกษาต่าง ๆ การเผยแพร่ข่าวสารข้อมูล
4.3 การได้รับการส่งเสริมในการขอใช้เครื่องหมาย Trust mark |
เอกสารประกอบการจดทะเบียน
1. คำขอจดทะเบียนพาณิชย์ ( แบบ ทพ. ) โดยให้ระบุรายละเอียดดังนี้คือ ชื่อผู้ประกอบพาณิชยกิจ,ชนิดแห่งพาณิชย์กิจ ,สถานที่ตั้งสำนักงาน ,ชื่อ Web site, e-mail Address, หมายเลขโทรศัพท์, หมายเลขโทรสาร, เลขทะเบียนนิติบุคคล (ถ้ามี), เลขประจำตัวผู้เสียภาษี (ถ้ามี), ประเภทของเว็บไซต์ และ การทำธุรกรรมในเว็บไซต์
2. เอกสารแนบ
3. สำเนาบัตรประจำตัว
- กรณีบุคคลธรรมดา ได้แก่ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
- กรณีนิติบุคคล ได้แก่ สำเนาบัตรประจำตัวผู้จัดการของห้างหุ้นส่วน หรือของกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด (ไม่ต้องแนบหนังสือรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล)
4. หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี)
เริ่มขึ้นทะเบียน
1 ผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ยังไม่ได้จดทะเบียนพาณิชย์
- กรณีเป็นผู้ประกอบการอยู่แล้วก่อนวันที่ 18 พฤษภาคม 2546 ให้ยื่นขอจดทะเบียน
ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 17 มิถุนายน 2546 โดยจะเริ่มยื่นขอจดทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2546 เป็นต้นไป
- กรณีเริ่มประกอบการใหม่ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2546 ให้ยื่นขอจดทะเบียนให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันเริ่มประกอบการใหม่
2 ผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ได้จดทะเบียนพาณิชย์อยู่แล้ว ก่อนวันที่ 18 พฤษภาคม 2546 ให้แจ้งนายทะเบียนทราบ โดยแจ้งต่อสำนักงานทะเบียนพาณิชย์ที่ยื่นจดทะเบียนพาณิชย์ไว้
ต่างจังหวัดให้แจ้งต่อสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดนั้นๆ ภายในวันที่ 17 มิถุนายน 2546 พร้อมสำเนา
ใบทะเบียนพาณิชย์ เพื่อนายทะเบียนจะได้ดำเนินการตรวจสอบว่าได้จดทะเบียนพาณิชย์โดยถูกต้องแล้ว
การบังคับใช้กฎหมาย (ผลบังคับใช้)
ปัจจุบันผู้ประกอบการพาณิชยกิจบุคคลธรรมดาเท่านั้น ที่ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ ส่วนผู้ประกอบพาณิชยกิจที่เป็นนิติบุคคล ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ เว้นแต่นิติบุคคล 2 ประเภทที่ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ คือ ผู้ประกอบการขายหรือใช้เช่าเทป ซีดี และขายอัญมณี
ดังนั้น การที่จะกำหนดให้บุคคลที่ทำการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ต้องมาขึ้นทะเบียนกับกรมฯ โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499 นั้นจึงจำเป็นต้องออกประกาศกระทรวงพาณิชย์ จำนวน 3 ฉบับ คือ
(1) ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ให้ยกเลิกการกำหนดให้พาณิชยกิจบางประเภทที่ไม่อยู่ภาย ใต้บังคับของ กฎหมายว่าด้วยทะเบียนพาณิชย์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2546 เพื่อยกเลิกข้อยกเว้นเดิม (ที่เคยยกเว้นให้นิติบุคคลไม่ต้องจดทะเบียน)
(2) ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ให้ผู้ประกอบพาณิชยกิจต้องจดทะเบียนพาณิชย์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2546 เพื่อกำหนดให้ผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ต้องจดทะเบียนพาณิชย์
(3) ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตั้งสำนักงานทะเบียนพาณิชย์ แต่งตั้งนายทะเบียนพาณิชย์ และพนักงานเจ้าหน้าที่ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2546 เพื่อกำหนดอำนาจหน้าที่ของนายทะเบียน และพนักงานเจ้าหน้าที่ในการรับจดทะเบียน โดยรวมไว้ในฉบับเดียวกัน เพื่อสะดวกในการใช้บังคับ
หมายเหตุ
ประกาศกระทรวงฯ ทั้ง 3 ฉบับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ลงนามแล้วเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2546 ส่งพิมพ์ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศทั่วไป เล่ม 120 ตอนพิเศษ 33 ง ลงวันที่ 18 มีนาคม 2546 และจะมีผลใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2546 เป็นต้นไป
บทลงโทษกรณีไม่ยื่นจดทะเบียน
ผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ยื่นจดทะเบียนตามที่กรมฯ กำหนดจะมีโทษตาม พ.ร.บ.ทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ.2499 มาตรา 19 คือ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท และปรับอีกวันละไม่เกินหนึ่งร้อยบาทจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง
สถานที่ยื่นขอจดทะเบียน
ผู้ประกอบการที่มีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครให้ยื่นจดทะเบียนต่อ สำนักงานบริการจดทะเบียนธุรกิจ 1 -7 หรือ ส่วนจดทะเบียนธุรกิจกลาง สำนักทะเบียนธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยจะเลือกยื่นต่อสำนักงานใดก็ได้
- ส่วนจดทะเบียนธุรกิจกลาง
(ชั้น 10 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ถ.สนามบินน้ำ) โทร. 0 2547 5153-5
- สำนักงานบริการการจดทะเบียนธุรกิจ 1
(อาคารถนนมหาราช) โทร. 0 2622-0572-3
- สำนักงานบริการการจดทะเบียนธุรกิจ 2
(อาคารถนนพระราม 6) โทร. 0 2618-3345
- สำนักงานบริการการจดทะเบียนธุรกิจ 3
(อาคารปรีชาคอมเพล็กซ์ ถนนรัชดาภิเษก) โทร. 0 2276-7268
- สำนักงานบริการการจดทะเบียนธุรกิจ 4
(อาคารยูไนเต็ดเซ็นเตอร์ ถนนสีลม) โทร. 0 2266-5853-4
- สำนักงานบริการการจดทะเบียนธุรกิจ 5
(อาคารปรีชาคอมเพล็กซ์ ถนนรัชดาภิเษก) โทร. 0 2276-7255
- สำนักงานบริการการจดทะเบียนธุรกิจ 6
(อาคารโมเดอร์นฟอร์ม ถนนศรีนครินทร์) โทร. 0 2722-8366-67
- สำนักงานบริการการจดทะเบียนธุรกิจ 7
(อาคารปรีชาคอมเพล็กซ็ ถนนรัชดาภิเษก) โทร. 0 2276-7253
อัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน 50 บาท ( ตลอดชีพ )
- เมื่อได้จดทะเบียนแล้ว ให้ผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ แสดงใบทะเบียนพาณิชย์ไว้ ณ สำนักงานฯ ในที่เปิดเผยซึ่งเห็นได้ง่าย และจัดให้มีป้ายชื่อที่ใช้ในการประกอบการไว้หน้าสำนักงานฯ โดยเปิดเผย
- เพื่อประโยชน์ในการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคและประชาชน และเพื่อรับรองว่าผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแล้ว ผู้ประกอบการควรแสดงใบทะเบียนพาณิชย์ หรือ ระบุเลขทะเบียนพาณิชย์ไว้บน Web Site หรือ Home Page ด้วย เพื่อแสดงว่าได้ขึ้นทะเบียนกับกรมฯ แล้ว
|
|